ตั้งแต่การชะลอตัวของอังกฤษไปจนถึงจุดเปลี่ยนของคริปโตของจีนและภาษีใหม่ของทรัมป์
เศรษฐกิจสหราชอาณาจักร
เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม
เศรษฐกิจอังกฤษหดตัว 0.1% ในเดือนพฤษภาคม ต่อเนื่องจากการหดตัวที่รุนแรงขึ้น 0.3% ในเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นการหดตัวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.9% และการผลิตลดลง 1.0% ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์การเติบโต
การลดลงนี้เชื่อมโยงกับการชะลอตัวของบริการทางกฎหมาย ค่าพลังงานที่สูงขึ้น ประกันสังคมที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนด้านภาษีศุลกากร เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP เติบโตชะลอตัวลงเหลือ 0.7% ในเดือนพฤษภาคม จาก 0.9% ในเดือนเมษายน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรเชล รีฟส์ อาจถูกบังคับให้เก็บภาษีหลายพันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการต่อต้านทางการเมือง ขณะที่ธนาคารแห่งอังกฤษคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก จาก 4.25% ในปัจจุบันเป็น 3.75% ภายในสิ้นปีนี้
การเปลี่ยนแปลงของคริปโตระดับโลก
จีนส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายท่ามกลางการพุ่งสูงของ Bitcoin
หน่วยงานกำกับดูแลหลักของจีนได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กว่า 60 คนในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและกลยุทธ์ Stablecoin ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ราคา Bitcoin พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 118,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของสถาบันและกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยของสหรัฐฯ
ความเปิดกว้างของจีนในการพัฒนากรอบสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญอย่างยิ่ง
สินค้าโภคภัณฑ์และภาษีศุลกากร
ทองคำพุ่งขึ้นจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางภัยคุกคามจากภาษีศุลกากร
ราคาทองคำในตลาดเอเชียพุ่งสูงขึ้นในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 35% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางยิ่งทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.3% ในช่วงเวลาทำการของตลาดเอเชีย และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.2% โดยยังคงแนวโน้มขาขึ้นรายสัปดาห์ ราคาแพลทินัมและทองคำมีผลประกอบการดีกว่าเงินในสัปดาห์นี้
บทสรุป:
ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร การเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับโลกด้านสินทรัพย์ดิจิทัล และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่กลับมาอีกครั้ง นักลงทุนจึงต้องเผชิญกับแนวโน้มตลาดที่ซับซ้อน การรับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ขณะที่ธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆ กำลังกำหนดนโยบายเศรษฐกิจในระยะต่อไป